จากกรณีลูกจ้างรายหนึ่งถูกให้ออก หลังเจ้านายจับได้ว่า เอาเวลางานไปทำเรื่องส่วนตัวนั้น สกู๊ปตอนสุดท้าย "แชตเวลางานถูกไล่ออก" ของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปเปิดมุมมองทางฟากฝั่งของนายจ้างบ้างว่า คิดเห็นกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร และนายจ้างสามารถจัดการอะไรกับลูกน้องมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายได้บ้าง โปรดติดตามได้เลย...
ช่วงโปร ต้องโชว์ศักยภาพ ไม่ใช่มัวแต่แชต!
นางสิริวัน ร่มฉัตรทอง เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีลูกจ้างชอบแชตในเวลาทำงาน ว่า รายที่เกิดขึ้นเป็นข่าวโด่งดังนั้น เป็นพนักงานที่อยู่ในช่วงทดลองงาน โดยปกติแล้ว พนักงานทดลองงานจะต้องโชว์ศักยภาพในการทำงานให้นายจ้างเห็นว่า มีความเหมาะสมที่จะถูกรับเข้าทำงาน ฉะนั้น พนักงานทดลองงานจะต้องตั้งใจทำงาน ขยัน อดทน ฟันฝ่าปัญหาไปให้ได้ ไม่ใช่ใช้เวลางานมาทำในเรื่องส่วนตัว
เทคโนโลยีเป็นประโยชน์ แต่อย่าทำให้เป็นโทษ!
เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งโซเชียลจริงๆ มองไปทางไหนมีแต่คนกดโทรศัพท์ ติดกันหนึบหนับ ถ้าวันไหนห่างหายไปจากโลกโซเชียล อาจมีอาการป่วยก็เป็นได้ เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า หลากหลายกิจการจะต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ประสานงาน สื่อสารกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งเป็นช่องทางทำงานประเภทหนึ่ง ที่คอยอำนวยความสะดวกในชีวิตมากขึ้น ทั้งนี้ คิดว่ามีความจำเป็นกับสังคมในปัจจุบัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการแชตเกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนว่า ควรมีความพอดี เหมาะสม ไม่ทำให้เสียเวลางาน
เทคโนโลยีมีประโยชน์ แต่อย่าทำให้เป็นโทษ
แนะนายจ้าง ติดประกาศเรื่องแชตให้ชัดเจน!
นางสิริวัน ออกโรงแนะนำนายจ้างให้ติดประกาศเรื่องการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมไปถึงการแชตในเวลาทำงานว่าอนุญาตให้ทำได้หรือไม่ และหากฝ่าฝืนจะมีโทษอย่างไรบ้าง โดยถ้ากระทำครั้งแรกให้ออกหนังสือเตือนก่อนว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เมื่อไร ร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ถ้าผิดซ้ำซากบ่อยครั้งและมีการตักเตือนไปแล้ว นายจ้างถึงจะสามารถให้ออกได้ ฉะนั้น การที่จะใช้อคติส่วนตัวมาให้ลูกจ้างออกจากงานนั้น คิดว่าทำไม่ได้
ทั้งนี้ นายจ้างต้องออกประกาศเตือนให้ลูกจ้างรู้ว่าการแชตเป็นความผิด และต้องมีการตักเตือนด้วยวาจา เตือนเป็นลายลักษณ์อักษร และก็ออกบันทึกการเตือนไว้ จะได้แน่ใจว่านายจ้างไม่ได้มีอคติ หรือเลิกจ้างเพราะไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถพิสูจน์ความเสียหายให้เป็นรูปธรรมได้ยิ่งดี
"ได้แนะนำสมาชิกสภานายจ้างฯ ว่าอย่าตักเตือนลูกจ้างแค่ 2 ครั้ง และต้องมีการพิสูจน์ให้ศาลรู้ว่า นายจ้างมีความพยายามอย่างยิ่งแล้วที่จะเตือนให้ลูกจ้างปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การที่แชตครั้งสองครั้งจะให้ออกไม่ได้ มันร้ายแรงเกินไป" เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างฯ ระบุ
ไม่ร้ายแรงจริงๆ ไม่มีนายจ้างคนใดอยากให้ออก!
นางสิริวัน เผยว่า การที่นายจ้างจะให้ลูกจ้างออกนั้น ถือว่าเป็นไปได้ยาก เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้ลูกจ้างขาดแคลนเยอะ การที่นายจ้างจะจ้างบุคลากรเข้ามาทำงานเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เพราะหาคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่บริษัทต้องการนั้นหายาก อีกทั้งเมื่อเข้ามาทำงานแล้ว กว่าจะเรียนรู้งานได้ต้องใช้เวลาพอสมควร หากตัดสินใจให้ออกไปจะทำให้เสียงานได้ เว้นเสียแต่ว่าลูกจ้างคนนั้นจะทำเรื่องร้ายแรงจริงๆ
"มั่นใจว่าถ้านายจ้างไม่เหลือทนจริงๆ หรือไม่มีเรื่องร้ายแรงมากๆ ไม่มีนายจ้างคนใดอยากไล่ผู้ใต้บังคับบัญชาออกหรอก เพราะกว่าจะให้ใครสักคนเข้ามาทำงานมันยาก" เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างฯ กล่าว
แชตบ่อยๆ ย่อมส่งผลเสียต่อการทำงาน
กระหน่ำแชต ผลร้ายต่อการทำงานแน่นอน!
เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างฯ แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า การแชตสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในความพอดี หากแชตพร่ำเพรื่อ และใช้เวลาไปในเรื่องส่วนตัว ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ คือ เสียเวลางานไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือระบบการทำงานอาจจะไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงถ้าทำงานเป็นทีมก็จะเป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมทีมด้วย
นอกจากนี้ เรื่องที่มีข่าวว่าลูกจ้างถูกเลิกจ้างด้วยสาเหตุนี้แล้วกว่า 30 คนนั้น ได้โทรเช็กไปทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่จริง
การที่ลูกจ้างใช้เวลางานไปทำเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่แค่เรื่องการแชตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่มาเบียดบังเวลาที่บริษัทใช้เงินเพื่อจ้างมาทำงาน เป็นเรื่องที่ลูกจ้างทุกคนจะต้องตระหนัก และให้ความสำคัญอย่างถูกต้องด้วย สำหรับนายจ้างต้องออกกฎระเบียบและทำความเข้าใจกับลูกจ้างให้ชัดเจน เพื่อจะได้ไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความเสียหาย.
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
